อัปเดต ภาษีหอพัก 2024 พร้อมวิธีเตรียมข้อมูลยื่นภาษีที่เจ้าของหอพักมือใหม่ ห้ามพลาด!!

“ภาษี” เป็นหน้าที่ตามกฎหมายและเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาของประเทศ ธุรกิจหอพักก็เป็นกิจการหนึ่งที่ต้องเสียภาษี การจ่าย ภาษีหอพัก เรื่องที่ใกล้ตัวมาก ๆ หากยื่นข้อมูลผิดก็เสี่ยงถูกปรับ เพราะฉะนั้นแต่สำหรับเจ้าของหอพักมือใหม่ที่กำลังวางแผนจ่ายภาษีเร็ว ๆ นี้ อยากรู้ว่าต้องเตรียมข้อมูลอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ

1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา:

  • รายได้ค่าเช่า: เป็นรายได้หลักที่เกิดจากการให้เช่าห้องพัก ซึ่งจะต้องนำมาคำนวณภาษี
  • ค่าใช้จ่ายที่หักลดหย่อนได้: นอกจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการดำเนินธุรกิจ เช่น ค่าซ่อมแซม ค่าบำรุงรักษา ค่าดอกเบี้ยเงินกู้แล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน
  • อัตราภาษี: อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะแตกต่างกันไปตามฐานภาษี ซึ่งคำนวณจากรายได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว

2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT):

  • การให้บริการเพิ่มเติม: หากเจ้าของหอพักมีการให้บริการเพิ่มเติมนอกเหนือจากการให้เช่าห้องพัก เช่น การขายอาหาร เครื่องดื่ม การให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือมีร้านค้าในหอพัก ก็จะต้องมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากลูกค้า
  • การนำส่งภาษี: ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บได้จากลูกค้าจะต้องนำส่งให้กรมสรรพากรตามกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนด
  • เครดิตภาษีมูลค่าเพิ่ม: หากมีการซื้อสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับกิจการ และมีการออกใบกำกับภาษี ก็สามารถนำเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มมาหักลดหย่อนได้

3. ภาษีอื่นๆ:

  • ภาษีท้องถิ่น: อาจมีภาษีท้องถิ่นอื่นๆ ที่ต้องชำระ เช่น ภาษีป้าย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งอัตราภาษีและประเภทของภาษีจะแตกต่างกันไปในแต่ละท้องที่
  • ภาษีเฉพาะกิจการ: ในบางกรณี อาจมีภาษีเฉพาะกิจการที่ต้องชำระเพิ่มเติม เช่น ภาษีสรรพสามิต หากมีการผลิตหรือจำหน่ายสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต
  • ขนาดของหอพัก: หอพักขนาดใหญ่จะมีค่าใช้จ่ายและรายได้ที่สูงกว่าหอพักขนาดเล็ก ส่งผลต่อจำนวนภาษีที่ต้องเสีย
  • ประเภทของบริการ: หากมีการให้บริการเพิ่มเติมนอกเหนือจากการให้เช่าห้องพัก ก็จะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น
  • กฎหมายและระเบียบ: กฎหมายภาษีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เจ้าของหอพักควรติดตามข่าวสารและอัปเดตข้อมูลอยู่เสมอ
  • บันทึกข้อมูลทางบัญชีอย่างละเอียด: การบันทึกข้อมูลทางบัญชีอย่างละเอียดจะช่วยให้สามารถคำนวณภาษีได้อย่างถูกต้องและง่ายต่อการตรวจสอบ
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี: การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีจะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ
  • ใช้โปรแกรมช่วยคำนวณภาษี: ปัจจุบันมีโปรแกรมช่วยคำนวณภาษีหลายโปรแกรมที่สามารถช่วยอำนวยความสะดวกในการคำนวณภาษีได้

การแยกประเภทของรายได้ที่ได้มาจากการดำเนินธุรกิจหอพักออกเป็นประเภทต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อนำไปคำนวณภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมาย

  • การคำนวณภาษีที่ถูกต้อง: การแยกประเภทรายได้จะช่วยให้เราทราบว่ารายได้แต่ละประเภทต้องเสียภาษีในอัตราเท่าไร และมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่สามารถนำมาหักลดหย่อนได้
  • ป้องกันความผิดพลาด: การแยกประเภทรายได้อย่างถูกต้องจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการยื่นภาษี ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกปรับ หรือต้องชำระภาษีย้อนหลัง
  • วางแผนภาษี: การเข้าใจประเภทของรายได้จะช่วยให้เราสามารถวางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระภาษีที่ต้องจ่าย
  • รายได้จากการให้เช่าหอพัก (มาตรา 40(5)): เป็นรายได้หลักที่เกิดจากการให้เช่าห้องพัก ซึ่งจะต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
  • รายได้จากการให้บริการอื่นๆ (มาตรา 40(8)): เป็นรายได้ที่เกิดจากการให้บริการเพิ่มเติม เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะต้องนำมารวมกับรายได้จากการให้เช่า และคำนวณเป็นกำไรจากกิจการ
  • ค่าใช้จ่ายที่หักลดหย่อนได้: สำหรับรายได้จากการให้เช่าหอพัก สามารถนำค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจมาหักลดหย่อนได้ เช่น ค่าซ่อมแซม ค่าบำรุงรักษา ค่าดอกเบี้ยเงินกู้
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): หากมีการให้บริการเพิ่มเติมที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องมีการแยกภาษีมูลค่าเพิ่มออกจากรายได้ และนำส่งให้กรมสรรพากร
  • การเปลี่ยนแปลงกฎหมาย: กฎหมายภาษีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เจ้าของหอพักควรติดตามข่าวสารและอัปเดตข้อมูลอยู่เสมอ
  • วางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ: สามารถเลือกวิธีการคำนวณภาษีที่ทำให้ต้องเสียภาษีน้อยที่สุดตามกฎหมาย
  • ป้องกันความผิดพลาด: ลดความเสี่ยงในการถูกตรวจสอบและปรับจากกรมสรรพากร
  • บริหารจัดการธุรกิจได้ดีขึ้น: การบันทึกข้อมูลทางบัญชีอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณเข้าใจสถานะทางการเงินของธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภค และผู้ประกอบการจะต้องนำส่งให้กับกรมสรรพากร สำหรับเจ้าของหอพักนั้น หากมีรายได้จากการให้บริการต่างๆ เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ก็จะต้องมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และเรียกเก็บภาษีจากผู้เช่า

  • เมื่อมีรายได้เกินเกณฑ์: หากรายได้จากการให้บริการทั้งหมดรวมกันเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องจดทะเบียน VAT
  • การให้บริการเพิ่มเติม: นอกจากค่าเช่าห้องพักแล้ว หากมีการให้บริการอื่นๆ เช่น จัดหาอาหาร เครื่องดื่ม อินเทอร์เน็ต หรือมีร้านค้าภายในหอพัก ก็จะต้องจดทะเบียน VAT
  • การซื้อสินค้าหรือบริการ: หากซื้อสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับกิจการ และมีการออกใบกำกับภาษี ก็สามารถนำเครดิตภาษีมูลค่าเพิ่มมาหักลดหย่อนได้
  1. เตรียมเอกสาร: เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ทะเบียนการค้า หนังสือรับรองนิติบุคคล สำเนาทะเบียนบ้าน
  2. ยื่นแบบคำขอจดทะเบียน: ยื่นแบบคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่สำนักงานสรรพากร
  3. ได้รับหนังสือรับรองการจดทะเบียน: หลังจากได้รับการอนุมัติ จะได้รับหนังสือรับรองการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • การเรียกเก็บ: เมื่อจดทะเบียน VAT แล้ว จะต้องมีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จากผู้เช่า โดยจะต้องแสดงรายละเอียดภาษีมูลค่าเพิ่มในใบเสร็จรับเงินค่าเช่า
  • การนำส่ง: ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บได้จากผู้เช่า จะต้องนำส่งให้กรมสรรพากรตามกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยทั่วไปจะต้องนำส่งทุกเดือน
  • เครดิตอินพุต: คือ ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการจ่ายให้กับผู้ขายสินค้าหรือบริการ
  • เครดิตเอาต์พุต: คือ ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการเรียกเก็บจากลูกค้า
  • การนำเครดิตไปหักลดหย่อน: ผู้ประกอบการสามารถนำเครดิตอินพุตไปหักลดหย่อนจากเครดิตเอาต์พุต เพื่อนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มส่วนต่างให้กับกรมสรรพากร
  • การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม: มีบางกรณีที่การให้บริการบางประเภทได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น การให้เช่าที่อยู่อาศัยสำหรับอยู่อาศัยเอง
  • การเปลี่ยนแปลงภาษีมูลค่าเพิ่ม: กฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่มอาจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เจ้าของหอพักควรติดตามข่าวสารและอัปเดตข้อมูลอยู่เสมอ
  • การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง

การมีบัญชีธนาคารแยกสำหรับธุรกิจหอพักเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้คุณสามารถ:

  • สามารถติดตามรายรับรายจ่ายได้อย่างชัดเจน: การแยกบัญชีจะทำให้คุณทราบว่ารายได้จากการให้เช่าและค่าใช้จ่ายต่างๆ มีจำนวนเท่าไหร่ ช่วยให้คุณวางแผนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • คำนวณภาษีได้ง่ายขึ้น: เมื่อมีการแยกบัญชีแล้ว การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีมูลค่าเพิ่ม (ถ้ามี) จะง่ายขึ้นมาก เพราะข้อมูลต่างๆ จะถูกบันทึกไว้ในบัญชีเดียว
  • ตรวจสอบบัญชีได้ง่ายขึ้น: หากมีการตรวจสอบบัญชีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คุณสามารถนำเสนอเอกสารทางบัญชีได้อย่างรวดเร็วและสะดวก
  • ลดความผิดพลาด: การแยกบัญชีจะช่วยลดความผิดพลาดในการบันทึกข้อมูลทางบัญชี และป้องกันการนำเงินส่วนตัวมาปะปนกับเงินของธุรกิจ
  • วางแผนทางการเงิน: ช่วยให้คุณวางแผนทางการเงินในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การลงทุน ซ่อมแซม หรือขยายธุรกิจ
  • เพิ่มความน่าเชื่อถือ: การมีบัญชีที่เป็นระบบจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณ
  • ลดความเสี่ยง: การมีบันทึกทางบัญชีที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงในการถูกตรวจสอบและปรับจากกรมสรรพากร
  • บันทึกข้อมูลอย่างละเอียด: บันทึกทุกรายการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นรายรับ รายจ่าย หรือการโอนเงิน
  • เก็บหลักฐาน: เก็บใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี และเอกสารทางบัญชีอื่นๆ ไว้อย่างเป็นระเบียบ
  • ปรับปรุงบัญชีให้เป็นปัจจุบัน: ควรปรับปรุงบัญชีให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ เพื่อให้ข้อมูลที่ได้มีความถูกต้อง
  • รายรับ: ค่าเช่าห้องพัก, ค่าบริการเพิ่มเติม (เช่น ค่าอินเทอร์เน็ต, ค่าที่จอดรถ), รายได้จากการขายสินค้า (ถ้ามี)
  • รายจ่าย: ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำประปา, ค่าซ่อมแซม, ค่าบำรุงรักษา, ค่าจ้างพนักงาน, ค่าดอกเบี้ยเงินกู้, ค่าภาษีต่างๆ
  • เลือกบัญชีที่เหมาะสม: เลือกบัญชีธนาคารที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ เช่น บัญชีกระแสรายวันสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก
  • ใช้โปรแกรมบัญชี: การใช้โปรแกรมบัญชีจะช่วยให้การจัดการบัญชีง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การยื่นภาษีหอพักเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายภาษีเงินได้และภาษีอื่น ๆ ที่ผู้ประกอบการหอพักต้องปฏิบัติตามเพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ต่อไปนี้คือขั้นตอนสำคัญก่อนยื่นภาษีหอพัก:

1. เก็บข้อมูลรายรับและค่าใช้จ่ายทางการเงินของหอพัก

จัดเตรียมเอกสารทางการเงินต่าง ๆ เพื่อแสดงรายได้และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการหอพัก ไม่ว่าจะเป็น:

  • รายงานรายได้: รายได้จากค่าเช่าห้องพัก ค่าบริการส่วนกลาง หรือรายได้อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการหอพัก
  • รายงานค่าใช้จ่าย: ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าบำรุงรักษา ค่าจ้างพนักงาน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
  • บิลและใบเสร็จรับเงิน: เก็บบิลและใบเสร็จรับเงินทุกใบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหอพัก เพื่อใช้ในการคำนวณค่าใช้จ่ายและเป็นหลักฐานในการยื่นภาษี

2. แยกประเภทรายได้ตามกฏหมาย

ภาษี รายได้ 8 ประเภท เงินได้พึ่งประเมิน

แยกประเภทรายได้ตามกฎหมาย รายได้จากการให้เช่าหอพักจัดอยู่ในประเภทรายได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5) ของประมวลรัษฎากร ในขณะที่รายได้จากการให้บริการอื่นๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ จะจัดเป็นกำไรจากกิจการตามมาตรา 40(8) การแยกประเภทรายได้อย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณคำนวณภาษีได้อย่างเหมาะสม

3. คำนวณภาษีเงินได้

ผู้ประกอบการหอพักต้องยื่นภาษีเงินได้ตามประเภทของกิจการ โดยแบ่งเป็น 2 กรณีหลัก:

3.1 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (กรณีจดทะเบียนในนามบุคคลธรรมดา)
  • ผู้ประกอบการหอพักที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90 หรือ 91)
  • รายได้จากค่าเช่าหอพักจะถือเป็นรายได้จากการให้เช่า ซึ่งต้องรวมกับรายได้จากแหล่งอื่น ๆ ทั้งหมดเพื่อนำไปคำนวณภาษีตามขั้นอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
  • ภาษีจะคำนวณตามฐานรายได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่าง ๆ
3.2 ภาษีเงินได้นิติบุคคล (กรณีจดทะเบียนในนามนิติบุคคล)
  • หากกิจการหอพักจดทะเบียนเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน จะต้องยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด. 50 สำหรับรายปี และ ภ.ง.ด. 51 สำหรับครึ่งปี)
  • รายได้จากการดำเนินกิจการหอพักจะถูกคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา 20% ของกำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด

4. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย

หากมีการจ้างงาน ไม่ว่าจะเป็การจ้างพนักงานทำความสะอาดหรือพนักงานรักษาความปลอดภัย ผู้ประกอบการจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินเดือนหรือค่าจ้างของพนักงานเหล่านั้น และยื่นภาษีหัก ณ ที่จ่ายทุกเดือนตามแบบ ภ.ง.ด. 1 สำหรับพนักงาน หรือ ภ.ง.ด. 3 สำหรับบุคคลธรรมดาที่ไม่ได้เป็นพนักงานประจำ

5. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

กิจการหอพักใดที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จำเป็นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และยื่นแบบ ภ.พ. 30 เพื่อชำระภาษีมูลค่าเพิ่มในทุก ๆ เดือน

  • อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มปัจจุบันอยู่ที่ 7%
  • คุณสามารถหักภาษีซื้อ (ค่าใช้จ่ายที่จ่ายภาษี VAT ไปแล้ว) ออกจากภาษีขาย (ภาษีที่เรียกเก็บจากลูกค้า) ได้

6. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน

  • ผู้ประกอบการหอพักต้องชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินซึ่งคิดเป็น อัตรา 12.5% ของรายได้ค่าเช่า ต่อปี
  • การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินจะขึ้นอยู่กับรายได้ที่เกิดจากการให้เช่า ควรแจ้งข้อมูลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบเพื่อการคำนวณที่ถูกต้อง

7. จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย

การทำบัญชีที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณสามารถคำนวณภาษีได้แม่นยำและลดความเสี่ยงในการเสียค่าปรับจากการยื่นภาษีผิดพลาด โดยเฉพาะในกรณีที่กิจการหอพักมีรายได้หรือค่าใช้จ่ายจำนวนมาก คุณอาจต้องพิจารณาจ้างนักบัญชีหรือที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อช่วยดูแลเรื่องภาษีและบัญชีอย่างมืออาชีพ

8. ยื่นภาษีตามเวลาที่กำหนด

ตรวจสอบกำหนดเวลาในการยื่นภาษีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเสียค่าปรับหรือเบี้ยปรับจากการยื่นภาษีล่าช้า:

  • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: ยื่นภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี
  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล: ยื่นภายใน 150 วันนับจากวันสิ้นสุดรอบบัญชี (ภ.ง.ด. 50) และยื่นภาษีครึ่งปี (ภ.ง.ด. 51) ภายใน 2 เดือนหลังจากครึ่งปีแรกสิ้นสุด
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT): ยื่นภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

9. ปรึกษานักกฎหมายหรือพนักงานบัญชีเพื่อชำระภาษี

เพราะการยื่นภาษีมีความซับซ้อน ควรมีการปรึกษากับนักกฎหมายหรือพนักงานบัญชีเพื่อชำระภาษีให้ถูกต้อง และก่อนทำการยื่นภาษีควรศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ให้ชัดเจนและครบถ้วนมากที่สุด

โปรแกรม Horganice เป็นโปรแกรมบริหารหอพักสัญชาติไทยที่พัฒนาโดยคนไทย

  • ใช้ระบบ Cloud ที่ดีที่สุดเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้
  • ไม่ต้องกังวลเรื่องข้อมูลจะหายไป เพราะเรามีทีม Developer ดูแลข้อมูลและสำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
  • ข้อมูลไม่ถูกส่งต่อไปยังบุคคลที่ 3 โดยที่ไม่ได้รับความยินยอม
  • * ฮอร์แกไนซ์ไม่ได้มีหน้าที่ส่งข้อมูลให้สรรพากร แต่เราอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้โดยการที่ผู้ใช้สามารถ export หน้าบัญชีออกไปเป็นไฟล์ Excel เพื่อให้ง่ายในการรวบรวมข้อมูลรายรับ – รายจ่ายได้)

ฮอร์แกไนซ์เราเข้าใจถึงปัญหาที่เจ้าของหอพักต้องเจอเป็นอย่างดี เรามีประสบการณ์ในด้านการพัฒนาระบบพื้นที่เช่าทั้งห้องเช่า บ้านเช่า หอพักและอพาร์ทเมนต์ตั้งแต่ขนาด 3-4 ห้องไปจนถึง 600 ห้อง ตลอดระยะเวลาฮอร์แกไนซ์ได้มีการปรับปรุงและอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ ๆ อยู่เสมอเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากที่สุด 

Horganice ตัวช่วยบริหารงานหอพักแบบครบวงจร รู้ทุกความเคลื่อนไหวของธุรกิจ
ตอบโจทย์ชีวิตผู้บริหารยุคดิจิตอล

ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
Share via